Pink Cherry Pink Cherry Melody CodeMouse พุยพุย

บทที่8

บทที่ 8

การเขียนแผนผังกระแสข้อมูล

1.ภาพรวมของแผนผังกระแสข้อมูล

   1.1 ความหมายของแผนผังกระแสข้อมูล
         แผนผังกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram : DFD) คือ แผนผังชนิดหนึ่งที่ใช้การเขียนสัญลักษณ์รูปภาพเพื่อแสดงการไหลของข้อมูลในระบบว่าข้อมูลเกิดจากแหล่งใด และไปปลายทางที่ใด
   1.2 หลักการของ DFD

  • DFD สามารถแตกเป็นระบบย่อยๆ (Sub-system) ได้ และสามารถแตกต่แได้เรื่อยๆ จนไม่สามารถแตกได้อีก
  • ระบบย่อยชั้นสุดท้าย  คือระบบที่ไม่สามารถแตกเป็นระบบย่อยๆอีกได้
  • ทุกระบบย่อยจะต้องมีกระบวนการ (Process) อย่างน้อย 1 กระบวนการเสมอ
  • แต่ละกระบวนการใน DFD ควรมีลักษณะเฉพาะ ไม่ซ้ำกับกระบวนการอื่นในระบบย่อย
  • ทุกระบบย่อยจะต้องมีข้อมูลเข้า (Input) และข้อมูลออก (Output) เสมอ
  • ข้อมูลจะมาจาก 3 แหล่ง คือ สภาพแวดล้อมภายนอก,จากกระบวนการ และแหล่งเก็บข้อมูล
  1.3 ชั้นของ DFD
        DFD สามารถแบ่งออกเป็นชั้นๆ (Layer) ได้ดังรูปที่ 8.1

   
      จากรูปที่ 8.1 ชั้นแรก เราจะเรียกว่าแผนภาพบริบท Context Diagram ซึ่งถือว่าเป็นแบบจำลองการทำงานของระบบ เป็นผังชั้นที่ 0 (Level 0) ผังชั้นนี้มีไว้เพื่อใช้แสดงความสัมพันธ์ของระบบกับสิ่งแวดล้อมภายนอก (External Entities)
     ผังชั้นที่ 1 (Level 1) จะแสดงรายละเอียดการทำงานภายในกระบวนการ 0 ผังชั้นนี้จะประกอบไปด้วยกระบวนการย่อยที่รวมอยู่ภายในกระบวนการ 0
     จากตัวอย่างในรูป 8.1 นั้น ผังที่ 2 จะมีอยู่ 2 ผัง คือ ผังของกระบวนการ 1 และผังกระบวนการ 2 โดยผังของกระบวนการ 1 จะประกอบด้วยกระบวรการ 1.1 และ 1.2 ส่วนผังของกระบวนการ 2 จะประกอบด้วยกระบวนการ 2.1 และ 2.2

   1.4 สัญลักษณ์ในการเขียน DFD
        ในการเขียนแผนภาพด้วย DFD จะมีมาตรฐานสากลอยู่ 2 แบบ คือ มาตรฐาน DeMarco & Yourdon และมาตรฐาน Gane & Sarson ซึ่งแต่ละมาตรฐานจะมีการใช้สัญลักษณ์แตกต่างกัน แต่การเขียนผังจะใช้วิธีการเดียวกัน ดังรูปที่ 8.2



          1.4.1 สัญลักษณ์กระบวนการ (process symbol)
                   เราจะใช้สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมมุมมน ดังรูปที่ 8.3 สัญลักษณ์นี้ใช้แทนการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งในระบบ


               1.รายละเอียดของสัญลักษณ์กระบวนการ
                  ในสัญลักษณ์กระบวนการเราสามารถลงรายละเอียดย่อยอื่นได้ จะใช้คำภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้  มีรายละเอียดดังนี้
                   1.เลขอ้างอิงกระบวนการ (Unique Identifier)
                      เลขที่ใช้ในการสื่อกระบวนการใช้ชัดเจน จากรูปที่ 8.3 เลขอ้างอิงคือ กระบวนการที่ 218
                      (มีความหมายว่า แผนผังชั้นที่ 2 กระบวนการที่ 18)
                   2.ผู้ปฏิบัติงาน หรือ ฝ่ายรับผิดชอบ (Operator)
                      ส่วนที่ใช้ระบุตำแหน่งหรือฝ่ายที่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานในกระบวนการ จากรูปที่ 8.3
                      ผู้ที่รับผิดชอบในกระบวนการคือ Sales
                   3.งาน (Job)
                      ส่วนนี้จะต้องตั้งชื่อขึ้นต้นด้วยคำกริยาเสมอ เป็นคำที่ใช้อธิบายงานที่กระบวนการนี้ทำ
                      จากรูปที่ 8.3 งานในกระบวนการคือ Check Credit Rating (ตรวจสอบระดับความน่าเชื่อถือ)
             2.หลักการใช้งานสัญลักษณ์กระบวนการ
                 1.สัญลักษณ์กระบวนการเปรียบเสมือนกล่องดำ (Black Box)
                    คำว่ากล่องดำนั้นหมายความว่า เราจะไม่รู้ว่าข้างในกระบวนการทำอะไรบ้าง จนกว่าเราจะ
                    เปิดกล่องออกดู ซึ่งการเปิดดูในที่นี้ก็คือการดูผัง DFD ในขั้นต่อไปที่แสดงรายละเอียด
                    ภายในกระบวนการนั้น
                 2.สัญลักษณ์กระบวนการต้องมีเอกลักษณ์
                    เราไม่ควรสร้างกระบวนการที่ทำงานซ้ำกันหรือเหมือนกันไว้ในผังเดียวกัน
                 3.สัญลักษณ์กระบวนการต้องมีทั้งข้อมูลเข้าและข้อมูลออกเสมอ
                    การทำงานกับข้อมูลก็คือ มีข้อมูลเข้าเพื่อใช้ทำงานและมีข้อมูลออกเพื่อส่งผลงานออกมา
                 4.สัญลักษณ์กระบวนการสามารถมีข้อมูลเข้ามากกว่า 1 ทางได้
                 5.สัญลักษณ์กระบวนการสามารถมีข้อมูลออกมากกว่า 1 ทางได้

             จากรูปที่ 8.4 ได้แสดงตัวอย่างการเขียนสัญลักษณ์ในลักษณะที่ถูกและผิด


             จากรูปที่ 8.4 กระบวนการ a ผิดเนื่องจากมีข้อมูลเข้าไปประมวลผล แต่ไม่มีผลลัพธ์ออกมา
ส่วนกระบวนการ b ผิดเนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่มีผลลัพธ์ออกจากกระบวนการโดยที่ไม่มีข้อมูลเข้าสู่กระบวนการ

          1.4.2 สัญลักษณ์แสดงการไหลของข้อมูล (Data Flow)
                   เราจะใช้สัญลักษณ์ลูกศรเป็นตัวกำหนดทิศทางการไหลของข้อมูล (Data/Information Flowing) ดังตัวอย่างในรูปที่ 8.5


               1.รายละเอียดสัญลักษณ์แสดงการไหลของข้อมูล
                  ในสัญลักษณ์แสดงการไหลของข้อมูลเราสามารถลงรายละเอียดย่อยอื่นได้ ดังนี้
                   1.หัวลูกศร (Arrow)
                      หัวลูกศรใช้แสดงทิศทางการไหลของข้อมูลจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ถ้าหัวลูกศรมีทั้งสอง
                      ด้านก็หมายความว่าข้อมูลสามารถไหลไปและไหลกลับได้
                  2.ข้อมูล (Data) 
                     ส่วนนี้เราควรตั้งชื่อเป็นคำนาม ใช้เป็นคำอธิบายว่าข้อมูลใดกำลังไหลอยู่ เช่น ข้อมูลราย
                     ละเอียดการสั่งซื้อ ข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้า เป็นต้น

             จากรูปที่ 8.5 เป็นการแสดงว่า ข้อมูล Order Detail ไหลจากซ้ายมือไปทางขวามือ และข้อมูล Customer Profiles ไหลจากขวามือไปทางซ้ายมือและไหลกลับได้ในทิศตรงกันข้าม
             2.หลักการใช้สัญลักษณ์แสดงการไหลของข้อมูล
                   1.การไหลของข้อมูลจะไหลตามทิศทางของหัวลูกศร
                   2.ถ้าข้อมูลมีการไหลไปกลับและเป็นข้อมูลชุดเดียวกัน เราสามารถใช้สัญลักษณ์ลูกศร 2 หัว
                   3.ถ้าข้อมูลมีการไหลไปกลับแต่เป็นข้อมูลคนละชุด เราต้องใช้สัญลักษณ์ลูกศรหัวเดียว
                      2 เส้น แยกกันชี้ทิศทางของแต่ละชุดข้อมูล
                   4.สัญลักษณ์ที่ปลายข้างใดข้างหนึ่งของการไหลจะต้องเป็นสัญลักษณ์กระบวนการเสมอ
                      จะไม่มีการไหลของข้อมูลระหว่างแหล่งเก็บข้อมูลกับแหล่งเก็บข้อมูลหรือแหล่งเก็บข้อมูล
                      กับแหล่งกำเนิดข้อมูล หรือแหล่งกำเนิดข้อมูลกับแหล่งกำเนิดข้อมูล เป็นอันขาด
                   5.การไหลที่ออกมาจากแหล่งเก็บข้อมูลเราจะเรียกว่า " การเรียกใช้ข้อมูล "
                   6.การไหลที่เข้าสู่แหล่งเก็บข้อมูลเราจะเรียกว่า "การเพิ่ม/ปรับปรุง/ลบข้อมูล"
                   ในรูปที่ 8.6 ได้แสดงตัวอย่างการเขียนลูกศรที่ถูกและผิด

      กระแสข้อมูลจะไม่เกิดขึ้นจากกรณีต่อไปนี้
  • จากหน่วยเก็บข้อมูลไปยังหน่วยเก็บข้อมูล
  • จากหน่วยงานภายนอกไปยังหน่วยงานภายนอก
  • กระบวนการที่มีกระแสข้อมูลเข้าแต่ไม่มีกระแสข้อมูลออก
  • กระบวนการที่มีกระแสข้อมูลออกแต่ไม่มีกระแสข้อมูลเข้า
     ในรูปที่ 8.6 ได้แสดงตัวอย่างการเขียนลูกศรที่ถูกและผิด



         จากรูปที่ 8.6 รูปแรกกระบวนการเก็บข้อมูลลงหน่วยเก็บข้อมูล  รูปต่อมาจะผิดเนื่องจากมีกระแสข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายนอกด้วยกันไม่ได้  จะทำได้ต้องผ่านกระบวนการก่อน รูปต่อมาจะผิดเนื่องจากหน่วยเก็บข้อมูลจะส่งข้อมูลให้หน่วยเก็บข้อมูลด้วยกันไม่ได้  ต้องผ่านกระบวนการก่อนเช่นกัน  รูปต่อมา  หน่วยงานภายนอกจะเก็บข้อมูลลงสู่หนาวยเก็บข้อมูลโดยตรงไม่ได้  ซึ่งต้องผ่านกระบวนการก่อนเช่นกัน

          1.4.3 สัญลักษณ์แหล่งกำเนิดข้อมูลภายนอก (External  Entities)
                   บางครั้งแหล่งกำเนิดข้อมูลภายนอกอาจจะถูกเรียกว่า แหล่งป้อนข้อมูล หรือ แหล่งรับข้อมูล แต่ไม่ว่าจะเรยกชื่ออย่างไร  เราก็จะใช้สัญลักษณ์เดียวกัน คือ รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากในการแสดงส่วนประกอบนี้ ดังรูปที่ 8.7 สำหรับส่วนประกอบนี้จะอยู่ภายนอกระบบ เช่น คน เครื่องจักร ระบบข้างเคียง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ และในขณะเดียวกันก็รอคอยข้อมูลที่ออกมากจากระบบด้วย



          1. รายละเอียดสัญลักษณ์แหล่งกำเนิดข้อมูลภายนอก
              ในสัญลักษณ์กระบวนการเราสามารถลงรายละเอียดย่อยอื่นได้ มีรายละเอียดดังนี้
              1) เลขอ้างอิงกระบวนการ (Unique Identifier)
                  วิธีระบุเลขอ้างอิงคล้ายกับที่ใช้สัญลักษณ์กระบวนการ
              2) ชื่อแหล่ง (Entity)
                  ส่วนนี้เราควรตั้งชื่อเป็นคำนาม โดยเป็นชื่อแหล่งของข้อมูล
              3) เส้นซ้ำ (Duplicate Line)
                  เส้นซ้ำเป็นเส้นที่บอกว่าแหล่งข้อมูลตัวนี้เป็นตัวที่ซ้ำกับแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ ใช้เพื่อผังที่เขียนดูง่ายขึ้น ดังรูปที่ 8.8



                 จากรูปที่ 8.8 ทั้ง (a) และ (b) คือผังการทำงานเหมือนกัน แต่ผัง (b) ทำให้การอ่านผังง่ายขึ้น คือ อ่านเริ่มต้นที่ซ้ายและจบที่ขวา  ไม่เหมือนกับผัง (a) ที่เริ่มต้นซ้ายและก็กลับมาซ้ายอีกครั้ง
       
           2. หลักการใช้สัญลักษณ์แหล่งกำเนิดข้อมูลภายนอก
               1) แหล่งกำเนิดข้อมูลจะมีการไหลของข้อมูลเข้าและออกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
               2) แหล่งกำเนิดข้อมูลจะไม่ติดต่อกับแหล่งข้อมูลโดยตรง จะต้องผ่านกระบวนการก่อน
               3) ข้อมูลที่แหล่งกำเนิดข้อมูลได้รับมาจากกระบวนการเสมอ
               4) ข้อมูลที่แหล่งกำเนิดส่งออกไปจะไปสู่กระบวนการเสมอ


จากรูปที่ 8.9 ได้แสดงตัวอย่างการเขียนสัญลักษณ์แหล่งกำเนิดภายนอกที่ถูกและผิด


        1.4.4 สัญลักษณ์แหล่งเก็บข้อมูล (Data Stores)
                 เราจะใช้สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมผืนผ้าปลายเปิดแทนแหล่งเก็บข้อมูล ดังรูปที่ 8.10 แหล่งเก็บข้อมูลคือสถานที่ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล  หรือพักข้อมูลชั่วคราวเพื่อรอการทำงานขั้นตอนต่อไป อาจจะเก็บอยู่ในรูปแบบของกระดาษจัดเรียงในแฟ้ม  หรือจะเป็นไฟล์งานในเครื่องคอมพิวเตอร์ ขึ้นอยู่กับรูปแบบทงานของแต่ละสถานที่ทำงานนั้น


              1. รายละเอียดสัญลักษณ์แหล่งเก็บข้อมูล
                  ในสัญลักษณ์กระบวนการเราสามารถลงรายละเอียดย่อยอื่นได้ มีรายละเอียดดังนี้
                  1) ประเภทแหล่งเก็บข้อมูล (Data Store Type)
                      การระบุประเภทแหล่งเก็บข้อมูลเพื่อให้ผู้อ่านผังสามารถเข้าใจได้ว่าข้อมูลถูกจัดเก็บอยู่ในรูปแบบใด ปกติเราจะสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ 4 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
            D        =   Computerized  Data  หมายถึง  รูปแบบไฟล์ข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์
           M        =   Manual                      หมายถึง  รูปแปบเอกสารกระดาษ  จัดเก็บแยกหมวดด้วยแฟ้ม
           T         =   Transient Data File   หมายถึง  รูปแบบไฟล์ชั่วคราวในเครื่องคอมพิวเตอร์
           T(M)  =   Transient  Manual     หมายถึง  รูปแบบเอกสารกระดาษชั่วคราว เช่น ใบสั่งงาน ฯลฯ                       2) เลขอ้างอิงแหล่งเก็บข้อมูล (Unique Identifier)
                      การใช้งานเลขอ้างอิงแหล่งเก็บข้อมูลจะคล้ายกับที่ใช้ในสัญลักษณ์กระบวนการ
                  3) ชื่อแหล่งเก็บข้อมูล (Data Store Name)
                      ส่วนนี้เราควรตั้งเป็นคำนาม โดยเป็นชื่อของแหล่งเก็บข้อมูล
                  4) เส้นซ้ำ (Duplicate Line)
                      การใช้เส้นซ้ำจะคล้ายกับที่ใช้ในสัญลลักษณ์แหล่งกำเนิดข้อมูลภายนอก

               2. หลักการใช้สัญลักษณ์แหล่งเก็บข้อมูล
                   1) ข้อมูลต้องผ่านกระบวนการก่อนที่จะไปสู่แหล่งเก็บข้อมูล
                   2) แหล่งเก็บข้อมูลจะไม่ส่งผ่านข้อมูลให้กันและกันโดยไม่ผ่านกระบวนการ

2. วิธีการเขียนกระแสแผนผังข้อมูล
    ในการเขียนแผนผัง DFD โดยผังที่เราจะเขียนจะต้องมรการแยกลำดับชั้นต่างๆ พร้อมกับการระบุเลขอ้างอิง อย่างมีระบบ และเข้าใจง่าย เพื่อผู้ที่นำผังไปอ่านสามารถเข้าใจในสิ่งที่เราสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว ดังรายละเอียดต่อไปนี้

     2.1 การเขียนแผนผังในแต่ละชั้น

          2.1.1 ผังชั้น 0 (Level O)
                   เริ่มต้นเราจะต้องเขียนผังชั้นที่ 0 (Level 0) ที่เรียกว่า Context Diagram ผังชั้นนี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงภาพรวมของระบบกับสภาพแวดล้อมภายนอก จะไม่มีกระบวนการซับซ้อนมากมายนัก เพราะจะมีแค่กระบวนการอย่างเดียว แสดงความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทั้งหมดที่มี ดังนี้


            จากรูปผังชั้น 0 จะแสดงการสั่งซื้อที่มาจากลูกค้า (Customer) ซึ่งเราจะถือว่าลูกค้าเป็นสภาพแวดล้อมภายนอก  ข้อมูลการสั่งซื้อ (Order) จะวิ่งเข้าสู่กระบวนการ 0 คือ Order System และส่งคำตอบกลับให้ลูกค้าเป็นสิ้นค้าที่สั่งซื้อ (Goods) หรือ คำปฏิเสธการสั่งซื้อ (Rejected)

            2.1.2 ผังชั้น 1 (Level 1)
                     ผังต่อมาเป็นผังชั้น 1 (Level 1) ที่เรียกว่า Top Level DFD ซึ่งเป็นผังชั้นแรกที่ลงรายละเอียดระบบการทำงานหลักด้านต่างๆไว้ ดยระบบการสั่งซื้อประกอบด้วย 3 ด้านหลักๆ คือ การตรวจสอบเครดิตลูกค้า การจัดส่งสินค้าที่สั่งซื้อ และงานตรวจสอบสถานะทางการเงินลูกค้า เพื่อให้ข้อมูลล่าสุดเสมอที่นำไปใช้ในกระบวนการตรวจสอบเครดิตลูกค้า เมื่อลูกค้ามาสั่งซื้อสินค้าครั้งต่อไป ผังงานในชั้น 1 ดังนี้


           จากรูปเราจะเห็นกระบวนการทำงานที่ชัดเจนขึ้น โดยเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ข้อมูลการสั่งซื้อจะไหล ไปที่กระบวนการที่ 1 ผู้รับผิดชอบคือ ฝ่ายขาย (Sales) จะทำการตรวจสอบสถานะเครดิตลูกค้า โดยอาศัยข้อมูลจากแหล่งเก็บข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์
          ถ้าเครดิตลูกค้าไม่พอ กระบวนการ 1 จะตอบกลับลูกค้าโดยปฏิเสธการสั่งซื้อ แล้วจบขั้นตอน
ถ้าเครดิตเพียงพอ ข้อมูลการสั่งซื้อนั้นจะกลายเป็นข้อมูลการสั่งซื้อที่ใช้การได้ ส่งไปให้กระบวนการที่ 2
          กระบวนการ 2 ผู้รับผิดชอบคือ คลังสินค้า (Warehouse) มีหน้าที่จัดส่งสินค้าให้ลูกค้า
          กระบวนการ 3 ผู้รับผิดชอบคือ ฝ่ายบัญชี (Account) ที่คอยตรวจสอสถานะการเงินของลูกค้า แล้วคอยปรับปรุงข้อมูลนั้นในแหล่งข้อมูลให้ตรงกับความจริงเสมอ

         2.1.3 ผังชั้น 2 (Level 2) 
                  ผังต่อไปคือ ผังชั้น 2 (Level 2) เป็นผังที่แสดงรายละเอียดภายในของกระบวนการในผังชั้น 1 ดังนั้น จากการเขียนผังชั้นที่ 1 ที่ผ่านมา ผังชั้น 2 ก็จะมีทั้งหมด 3 ผัง คือ ผังของกระบวนการที่ 1 ผังของกระบวนการที่ 2 และผังกระบวนการที่ 3 ในที่นี้จะยกตัวอย่างจากฝังชั้น 2 ของกระบวนการที่ 1 คือการตรวจสอบสถานะเครดิตของลูกค้า (Check Credit Rating) ดังนี้
                 รายละเอียดกระบวนการที่ 1 คือ เริ่มต้นเมื่อลูกค้าส่งข้อมูลการสั่งซื้อเข้ามา กระบวนการ 1.1 จะรับการสั่งซื้อนั้นและส่งต่อให้กระบวนการ 1.2 ทำการตรวจสอบสถานะการเงินของลูกค้า ถ้าผลการตรวจสอบไม่ผ่าน ข้อมูลการสั่งซื้อนั้นจะถูกส่งให้กระบวนการ 1.3 เพื่อส่งคืนให้ลูกค้าโดยแจ้งให้ทราบว่าการสั่งซื้อสินค้านั้นไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะติดปัญหาเรื่องเครดิต แต่ถ้าผลตรวจสอบสถานะการเงินผ่าน ข้อมูลการสั่งซื้อนั้นจะถูกส่งไปให้กระบวนการ 1.4 เพื่อส่งให้ระบบเคียงข้างทำงานต่อไป



     2.2 การกำหนดตัวเลขอ้างอิงกระบวนการ (Unique Identifier)
           ตัวเลขนี้มีความสำคัญต่อการสื่อสารความเข้าใจมาก เพราะจะบอกทั้งลำดับชั้นของกระบวนการ และเป็นกระบวนการหลักในขั้นที่ผ่านมาให้แก่เราได้อย่างครบถ้วน
          การเขียนเลขอ้างอิงกระบวนการจะใช้ชุดตัวเลขคั่นด้วย (.) โดยชุดตัวเลขซ้ายของจุดจะเป็นลำดับกระบวนการในชั้นก่อนหน้านี้ที่ชั้นกระบวนการปัจจุบันได้แสดงรายละเอียดให้ โดยเลขซ้ายสุดคือกระบวนการหลักในลำดับชั้น 1 และเลขต่อมาจะเป็นลำดับกระบวนการในชั้นถัดมา จนชุดเลขสุดท้ายที่อยู่ด้านขวาสุดจะเป็นลำดับกระบวนการในชั้นปัจจุบัน ดังรูปที่ 8.11 ที่แสดงแผนผังสำหรับไล่ลำดับในการกำหนดเลขอ้างอิงกระบวนการ


     2.3 การกำหนดชั้นในการเขียนผัง
           ในการเขียนผังเราควรเขียนผังอย่างละเอียดและเหมาะสม คือ ไม่ละเอียดจนเกินไป และไม่ตื้นจนยากต่อการทำความเข้าใจ เราสามารถทราบว่าการเขียนแผนผังของเราละเอียดและเหมาะสมแล้วโดยสังเกตง่ายๆว่า ถ้าทุกกระบวนการของเราสามารถเขียนคำอธิบายกระบวนการ (Element Process Description) ได้ ก็หมายความว่ากระบวนการนั้น จะมีการกล่าวถึงในหัวข้อที่ 3 ต่อไป
           ดังนั้น โดยหลักของการเขียนแผนผังกระแสข้อมูลแล้ว สามารถกล่าวได้ว่า "ถ้ากระบวนการใดสามารถเขียนคำอธิบายกระบวนการได้ แสดงว่า กระบวนการนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่ต้องแตกเป็นกระบวนการย่อยอีก"



    2.4 การอธิบายรายละเอียดข้อมูลในผัง
          การเขียนผังเป็นชั้นๆ ตามที่กล่าวมานั้นแสดงการไหลของข้อมูลเท่านั้น ส่วนการแสดงคำอธิบายรายละเอียดของข้อมูลนั้นจะจัดทำในรูปของแผนผังข้อมูลสัมพัทธ์และพจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary)

3. คำอธิบายกระบวนการทำงาน
    3.1 ความหมาย
          คำอธิบายกระบวนการ (Element Process Description) หมายถึง"การอธิบายรายละเอียดของกระบวนการ" คำอธิบายกระบวนการเป็นสิ่งที่ต้องมีควบคู่กับแผนผังกระแสข้อมูล (DFD) โดยรูปแบบคำอธิบายนี้มีทั้งแบบที่ใช้ภาษาธรรมชาติ และแบบที่ใช้แผนผังสำหรับการอธิบายรายละเอียดของกระบวนการซึ่งมีอยู่หลายชนิดที่ถูกเรียกรวมกันว่า แผนผังขั้นตอนการทำงาน (Logic of Process Diagram)

   3.2 เหตุผลที่ต้้องอธิบายกระบวนการทำงาน
         แม้ว่า DFD จะแสดงทิศทางการไหลของข้อมูลอยู่แล้ว และแต่ละกรบวนการหลักใน DFD ก็มรการแสดงรายละเอียดเป็นกระบวนการย่อยแสดงเป็นชั้นไป แต่จากหลักการเขียน DFD ที่ว่า "ถ้ากระบวนการใดสามารถเขียนคำอธิบายกระบวนการได้ แสดงว่ากระบวนการนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่ต้องแตกเป็นกระบวนการย่อยอีก" จึงมีเหตุผลหลักๆ ที่เราควรมีคำอธิบายกระบวนการที่มีลักษณะเฉพาะตัวไว้ ดังนี้
     
         3.2.1 เพื่อความรวดเร็ว
                  การเขียนคำอธิบายใช้เวลาในการเขียนเพียงครั้งเดียว แต่คำอธิบายทำให้ผู้อ่านผังไม่ต้องมาเสียเวลาภายหลังในการคิด หรือเดาใจผู้เขียนผังว่าต้องการกระบวนการที่ทำงานอย่างไร และยังลดเวลาสำหรับการทำงานในระยะอื่นๆ ของการพัฒนาระบบ

         3.2.2 เพื่อความถูกต้อง
                  เมื่อระบบสร้างเสร็จ คำอธิบายจะเป็นตัวช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า ระบบที่ทำขึ้นมาตรงกับความต้องการในครั้งแรกที่เราได้ออกแบบไว้

         3.2.3 เพื่อใช้ทบทวน
                  เมื่อพบว่าระบบมีข้อบกพร่อง เราสามารถทบทวนขั้นตอนการทำงานในระบบจากคำอธิบาย และพิจารณาหนทางแก้ไขได้ต่อไปได้

   3.3 ระดับของคำอธิบายกระบวนการ
         เราสามารถแบ่งระดับคำอธิบายเป็น 2 ระดับ ตามกลุ่มคนที่เราต้องการสื่อสารความเข้าใจ ดังนี้
     
         3.3.1 ระดับผู้ใช้งาน (Usage Level)
                  คำอธิบายระดับผู้ใช้งานจะอยู่ในรูปแบบของคำพูด คำบรรยาย เรียงความภาษาทั่วไป ใช้สำหรับเป็นคู่มือสื่อสารการทำงานให้กับผู้ใช้งานได้ทราบ และปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง คำอธิบายระดับนี้จึงใช้เป็นคำบรรยายในรูปแบบภาษาธรรมชาติเป็นหลัก

        3.3.2 ระดับผู้ดูแลระบบ (System Level)
                 คำอธิบายระดับผู้ดูแลระบบจะเป็นคำอธิบายเชิงเทคนิค ซึ่งผู้ดูแลต้องมีความรู้เชิงเทคนิคเป็นพื้นฐาน เพราะคำอธิบายลักษณะนี้จะเขียนอธิบายในรูปแบบเทคนิค เช่น ประโยคสั้นๆ โค้ดคำสั่ง ตาราง ค่าข้อมูล ซึ่งไม่ใช่คำบรรยายเหมือนคำอธิบายในระดับผู้ใช้งานที่อ่านโดยตรงและเข้าใจได้
   3.4 รูปแบบของคำอธิบายกระบวนการ
         การเขียนอธิบายการทำงานของกระบวนการจะใช้แบบจำลองคำอธิบายขั้นตอนทำงาน โดยทั่วไปมีอยู่ 4 รูปแบบ ให้เลือกหนึ่งหรือสองรูปแบบที่เหมาะสมมาใช้งานการเขียนคำอธิบายของแต่ละกระบวนการ
         สมมติว่ามีกระบวนการหนึ่งเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณส่วนลดของสินค้า เมื่อเขียน DFD ถึงชั้นสุดท้ายแล้วจนสามารถเขียนคำอธิบายกระบวนการได้ ดังรูปที่ 8.13



       3.4.1 Natural Language Specification
                Natural Language Specification หมายถึง เป็นการเขียนบรรยายตามภาษาธรรมชาติ หรือภาษามนุษย์ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน รูปแบบมักใช้สำหรับอธิบายกระบวนการเพื่อให้กลุ่มผู้ใช้งานหรือผู้ปฏิบัติงานสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย ดังรูปที่ 8.14


 
      3.4.2 Structure Sentence
               Structure Sentence เป็นการเขียนอธิบายด้วยประโยคเชิงโครงสร้างเหมือนการเขียนคำสั่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การเขียนอธิบายในลักษณะนี้จะนำลักษณะรูปแบบของการเขียนคำสั่งโปรแกรมมาใช้ในการอธิบาย เพื่อใช้สื่อสารกับโปรแกรมเมอร์ที่สร้างระบบ
               ตัวอย่างในรูปที่ 8.15 ได้แสดงคำอธิบายแบบ Structure Sentence และแบบ Pseudo Code ที่มีความหมายเดียวกันกับการอธิบายกระบวนการด้วยภาษาธรรมชาติในรูปที่ 8.14

       3.4.3 Decision Tree
                Decision Tree เป็นการเขียนอธิบายกระบวนการทำงานด้วยแผนผังต้นไม้ แผนผังนี้จะแสดงการตัดสินใจในกรณีต่างๆ เป็นลำดับต่อเนื่องกันไปจนได้ผลลัพธ์สุดท้าย ดังรูปที่ 8.16 ตัวอย่างการอธิบายด้วยแผนผังแบบต้นไม้ที่มีความหมายเดียวกับการอธิบายกระบวนการด้วยภาษาธรรมชาติใน ูรูปที่ 8.14

      3.4.4 Decision Table
               Decision Table เป็นการเขียนอธิบายโดยใช้ตาราง โดยจะแสดงการตัดสินใจตามเงื่อนไขตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน ดังรูปที่ 8.17 เป็นการใช้ตารางการตัดสินใจที่มีความหมายเดียวกับการอธิบายกระบวนการด้วยภาษาธรรมชาติในรูปที่ 8.14



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น